: Embrace!
3.
Heart it pain
สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าเครื่องบินกำลังทยานสู่หมู่เมฆมากมาย
ความรู้สึกในหัวใจกลับมีความกลัวมากมายเข้ามา
หากแต่ใบหน้าเล็กของลูกน้อยกลับสลัดความกลัวนั้นทิ้งไปจนหมด…
มือเล็กจ้องมองรูปถ่ายของลูกชายตัวแสบด้วยรอยยิ้มก่อนจะหลับตาพริ้ม
รอก็แต่เวลาที่เครื่องจะจอดลงก็เท่านั้น…
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงการเดินทางก็สิ้นสุดลง
ประเทศที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะกลับมาอีก… อิตาลี! ความเจ็บปวดที่จากมาและความรับที่ได้รับ
หากแต่ความสุขกลับสร้างความเจ็บปวดจนต้องวิ่งหนีไปในที่ที่แสนไกลอีกครั้ง
ครืด
ครืด
สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กร้องดังขึ้นหลังจากที่เปิดเครื่อง
มองดูชื่อของผู้ที่โทรมาก่อนจะกดรับสาย
“ถึงแล้วสินะ…
พี่ให้คนไปรอรับเราแล้วนะลูกกวางน้อย”
เสียงโอเซฮุนพี่ชายที่แสนดีดังขึ้นมา แม้เค้าไม่ได้มาส่งถึงที่แต่ความห่วงใยก็ไม่เคยขาดหายไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขอบคุณครับพี่ชาย”
“อย่าลืมพาลูกมาเยี่ยมพี่บ้างละ…”
“พูดเหมือนผมจะไม่กลับไปเกาหลีอีกแล้วแนะ
หรือพี่ไม่ต้อนรับผมแล้ว…” พูดจาเย้ายวนวาจาแสนน้อยใจออกไปราวกับว่าปลายสายไม่ยินดีต้อนรับจะให้น้องชายคนนี้กลับไปอีกแล้ว
“ใครบอกละ?
พี่กลัวคนทางนั่นจะไม่ให้เรากลับมามากกว่า…” ร่างบางขมวดคิ้วเรียวสวยนึกสงสัยในคำพูดของพี่ชายที่แสนดีนัก
“มีแต่เจอหน้ากันเค้าจะฆ่าผมมากกว่าครับ…
พี่ฮุนแค่นี้ก่อนนะผมเจอคนของพี่แล้วครับ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจก่อนจะเดินไปหาการ์ดคนหนึ่งที่เซฮุนบอกไว้
…
!
“ที่พี่พูดแบบนั้นออกไป
ก็เพราะรู้ว่าหัวใจของนายอยู่ที่ไหนต่างหากละ…
ลู่หาน!”
โอเซฮุนยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้มหน้าลงทำงานกับกองเอกสารมากมาย
สุดท้ายก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคอยเฝ้ามองน้องชายอยู่ไกลๆ
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่
หัวใจของเด็กน้อยก็ไม่เคยเป็นของเค้า…
!!!
“คุณลุงฮะ
ไหนแม่กวางน้อยของลู่ชานละฮะ” น้ำเสียงเล็กเอ่ยถาม ใบหน้ามนของลูกชายมองไปรอบๆ
บ้านหลังใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะทอดมองไปยังร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ตนเรียกขานว่าคุณลุง
“แล้วคุณป๊าของลู่ชานละฮะ
อยากเจอแล้ว”
“รอพบพร้อมแม่กวางน้อยนะครับ”
“เอ่!
แม่กวางน้อยของลู่ชานจะมาแล้วเหรอครับ”
เสียงเล็กเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงสงสัย สายตาคู่เล็กจ้องมองคุณพ่อทันที
รอยยิ้มจากริมฝีปากของชายหนุ่มทำให้ลูกน้อยพลอยยิ้มไปด้วย
“อิอิ J
ครับผม”
“เจ้านายครับ
ตอนนี้คุณหนูมาถึงสนามบินแล้วนะครับ” เสียงของจ้าวเหวยเอ่ยขึ้น
พลอยทำให้เด็กน้อยนึกสงสัยไปด้วย
“ใครคือคุณหรูครับ
ชื่อแปลกจัง”
ถ้าหากว่าบุคคลที่ได้รู้ว่าถูกเรียกขานแบบนี้คือแม่ของตัวเองจะคิดยังไงนะ
“เอาไว้ลุงจะแนะนำให้เจอกันนะครับ”
“ฮะ!”
“จ้าวเหวย…
นายไปรับมาซะ!”
ลุกขึ้นจากลูกน้อยที่นั่งเล่นอยู่ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิททันที
“คงไม่ทันแล้วละครับ!”
“ทำไม?”
เอ่ยถามอย่างสงสัยเรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน มองใบหน้าของลูกน้องคนสนิททันที
“เดินมาโน่นแล้วครับ”
ตอบคำถามเจ้านายด้วยรอยยิ้ม สายตาก็จับจ้องไปยังร่างเล็กของคุณหนู…
เวลาผ่านไปนานไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว
หากแต่สวยขึ้นมากกว่าเดิมอีกต่างหาก
“พาลูกฉันไปเล่นข้างนอกซะ
อ่อ!
แล้วออกทางด้านหลังนะ… ห้ามให้เข้ามาจนกว่าฉันจะคุยเสร็จ”
“ครับ”
รับคำก่อนจะทำตามคำสั่งของเจ้านาย
เดินเข้าไปหาร่างเล็กของนายน้อยก่อนจะเอ่ยเชิญชวนให้ออกไปเล่นด้านนอก
ด้วยความเป็นเด็กจึงทำให้ไม่ยากเลยที่จะเดินตามออกไปอย่างว่าง่าย
“หึ!
มาเร็วว่าที่คิดนะ… คนทรยศ!!!!!!!!”
ลู่หาน
สุดท้ายผมก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ในอาณาจักรของมาเฟียอย่าง
ปาร์ค ชานยอล… ถอนหายใจออกมาเพื่อปลอบใจตัวเอง
ความกล้าเท่านั้นที่จะสู้กับคนใจร้ายได้ ประตูถูกเปิดออกอย่างไม่ต้องพูดเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
หากแต่เสียงทักทายมากมายกลับดังขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอครับคุณหนู”
ราวกับว่าถูกตีพิมพ์คำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของคนๆ
เดียวกันงั้นแหละ
“ครับ J”
ผมเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่เรียวขาทั้งสองข้างจะก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวคือเสียงเต้นแรงของหัวใจ
มาถึงจนได้สินะ…
ผมก้าวขาเข้าไปด้านในเรื่อยๆ
แต่หัวใจกลับไม่ยอมหยุดเต้นเอาแต่ทำร้ายกันอยู่ได้ ใครว่าผมไม่กลัวละ…
ผมกลัวมากเลยทีเดียวหากแต่ผมกำลังต่อสู้กับความกลัวพวกนี้อยู่ต่างหากละ
ผมอยากเจอลูกและที่ผมกลับมาที่นี่ก็เพื่อจะมารับลูกกลับเกาหลี
ผมไม่ได้อยากเจอเค้า…
ผมรู้ว่าหัวใจตัวเองยังไม่ลืมเค้าด้วยซ้ำไปแถมยังรักมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ผมก็ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว
ปาร์ค
ชานยอล
ผู้มีพระคุณและผู้ชายใจร้ายที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวดทุกๆ
วันที่นึกถึงเค้าและต้องเห็นว่าลูก
ใบหน้าเล็กคือตัวแทนของคนเป็นพ่อราวกับว่าพิมพ์เดียวกันด้วยซ้ำไป
ผมก้าวขาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่
หัวใจไม่หยุดเต้นแต่มันกลับเต้นระรัวมากยิ่งขึ้น… รูปถ่ายของผมทุกใบที่ก้าวขาเข้ามาก็จะเห็นบัดนี้มันกลับหายไปจนหมดแล้ว
ไม่มีเหลือสักใบเดียว! มีเพียงรูปของเค้าเท่านั้นที่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
“คุณหนูค่ะ
ท่านฝากมาเรียนว่ารออยู่ที่ห้อง”
เสียงสาวใช้เอ่ยขึ้น
ผมหันไปมองหน้าเธอก่อนจะยิ้มให้… หากแต่ตอนนี้ผมไม่ใช่คุณหนูของพวกเค้าอีกแล้ว
“เรียกชื่อของผมเถอะครับ
ผมไม่ใช่คุณหนูของที่นี่อีกต่อไปแล้ว” ผมบอกออกไปแต่นั้นแต่สาวใช้คนนี้กลับยิ้มให้
เธอคงไม่ยอมทำตามที่ผมบอกหรอกครับ
“ไม่ได้หรอกค่ะ
ถึงยังไงคนตรงหน้าของดิฉันก็ยังคงเป็นคุณหนูลู่หานคนเดิม”
เธอบอกกับผมก่อนจะก้มหน้าและถอยหลังเดินออกไป มันเป็นคำตอบที่หนักแน่นเหลือเกิน…
ผมเองก็ได้แต่ยิ้มตามร่างของสาวใช้คนนั้นก่อนที่สายตาจะหันไปมองราวบันไดพร้อมกับเรียวขาที่ก้าวเดินขึ้นไป
ผมกลัวที่จะเผชิญหน้า
เพราะหัวใจของผมยังไม่พร้อม…
แต่ถ้าผมรอนานกว่านี้
หัวใจของผมอาจจะแย่ลงไปก็ได้! การได้พบกับเค้าอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
แต่มันอยู่ที่ว่าหัวใจของผมเข้มแข็งมากแค่ไหน?
บานประตูไม้ขนาดใหญ่กับหัวใจที่เต้นแรง…
ก๊อก
ก๊อก…
ผมช่างใจอยู่นานก่อนที่จะเคาะประตูนี้
หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาผมเองก็เลือกที่จะเปิดเข้าไปทันทีเมื่อกันเพราะรับรู้ได้ว่าเจ้าของห้องคงจะรอผมอยู่เหมือนกัน…
วินาทีแรกที่ได้เข้ามาทุกความทรงจำก็แล่นเข้ามาในสมองและฆ่าหัวใจผมไปทีละนิดจนเกือบจะหมดเลยทีเดียว
ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนไป
ผมเคยอยู่ยังไง เคยเห็นแบบไหนมันก็ยังคงเหมือนเดิม!!!
บานประตูค่อยๆ
ปิดลงอย่างช้าๆ หากแต่ผมก็เลือกที่จะไม่ล็อคประตูก่อนจะก้าวเดินไปเรื่อยๆ
ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ทอดมองสายตาออกไปนอกหน้าต่างราวกับว่าภาพตรงหน้าของเค้ามันช่างน่าสนใจเหลือเกิน
ผมย่างกรายเข้ามาในรังของหมาป่าที่พร้อมจะขยำเหยื่ออย่างผมได้ทุกเมื่อ
ผมกลัวแต่ผมอยากเจอลูกมากกว่า!!!
“มาแล้วเหรอ?
คนทรยศ…”
มันน่าเจ็บปวดที่สุดกับคำพุดที่เอ่ยออกมา
เค้าเรียกผมว่าคนทรยศ… ผมไม่เคยทรยศเค้าหากแต่เค้าต่างหากที่บังคับให้ผมฆ่าลูกในตอนนั้น
เค้าใจร้ายเกินไปต่างหาก!!!
“ผมไม่ใช่คนทรยศ!
ในเมื่อรู้ว่าผมจะมา… ก็คืนลูกมาให้ผมซะ”
ผมไม่คิดจะพูดจาอ้อมค้อมเลยด้วยซ้ำไปเพราะตอนนี้เราสองคนก็ต้องสู้กันซึ่งๆ
หน้าอยู่แล้วนี่
“หึ!”
ปาร์ค
ชานยอลแสยะยิ้มด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะค่อยๆ หันกลับมา
วินาทีแรกที่ผมเห็นสายตาของเค้า… หัวใจของผมเต้นแรงเหลือเกิน
เราสบตากันผมแทบอยากร้องไห้แต่กลับต้องเข้มแข็งเอาไว้
เรียวขาทั้งสองข้างเกือบไม่มีแรงด้วยซ้ำไป
สายตาเค้าน่ากลัวเกินไปแล้วนะ…
“คิดว่าฉันโง่สินะ… คิดจะหลอกมาเฟียอย่างฉันงั้นเหรอ?
เด็กคนนั้นลูกของฉันใช่ไหม!”
ราวกับว่าระฆังที่ถูกตีดังก้องอยู่ในสมองตลอดเวลา
สามปีที่ผมหนีเค้ามากับสามปีที่เค้าเคยบอกเอาไว้ว่าจะปล่อยผมไป แต่วินาทีต่อจากนี้… ชีวิตและลมหายใจกลับต้องทรมานเพราะถูกเค้ากักขังอีกครั้ง
กักขังด้วยคำพูดประโยคเมื่อกี้
ผมคิดว่าจะโกหกเค้าได้
แต่คนอย่างเค้าฉลาดกว่าที่คิดไว้ซะอีก!!!
“มะ… ไม่ใช่!” ต่อให้ผมพยายามโกหกไปมากแค่ไหน
มันก็ไม่มีทางสำเร็จ หากเค้าได้ลองตามหาผมแล้วนั้นก็หมายความว่าเค้ามั่นใจ
ผมอยากบอกเหลือเกินว่าลู่ชานไม่ใช่ลูกของเค้า
แต่ผมกลับพูดไม่ออกเมื่อถูกสายตาคู่นี้จับจ้องมา เค้าก้าวเท้ายาวๆ
เข้ามาหาผมเรื่อยๆ
“โกหกสินะ… แต่ฉันจะทำให้ลูกกวางน้อยตัวนี้เลิกพยศและพูดความจริงทุกวัน…
ทุกคืน!”
หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว…
พยายามวิ่งหนีสุดชีวิตแต่ทำไม่ได้แล้ว เพราะเค้า… เค้าคนเดียว ‘ปาร์ค
ชานยอล’
ผู้มีพระคุณที่เคยกระชากชีวิตจากจุดต่ำสุดให้อยู่สูงสุดและคนที่แอบรักมาตลอด
จนวันนี้เค้ากำลังดึงผมให้ต่ำลงไปอีกครั้ง…
“ผมไม่ได้โกหก
แต่เด็กคนนั้นตายไปแล้ว… ผมฆ่าเค้าอย่างที่คุยต้องการไปแล้ว!”
หมับ!
ร่างสูงตรงเข้ามาประชิดตัวของผมทันที
เค้ากระชากผมไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ก่อนจะดันจนตัวผมล้มลงไปนอนกับเตียงก่อนที่ร่างสูงจะขึ้นมานั่งคร่อมผมเอาไว้…
“คิดจะโกหกไปถึงเมื่อไหร่?”
“ถ้าอยากหลอกตัวเองก็ตามใจ
แต่เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกคุณ… ลู่ชานเป็นลูกผมคนเดียวเท่านั้น!!!!!!!”
ผมเถียงเค้าสุดชีวิต
สายตาที่จ้องมองก็ไม่แสดงความกลัวใดๆ เลยด้วยซ้ำไป
เพราะผมมาที่นี่เพื่อสู้กับเค้าไม่ใช่วิ่งหนีเค้าอีกต่อไป
“หึ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องคืนนั้นซะละ…
ถึงฉันจะเมาแต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่ามีอะไรกับใครไป! ไม่งั้นครั้งต่อไปคงไม่เกิดขึ้นหรอกนะ”
ผมอึ้งกับคำพูดของเค้าอย่างถึงที่สุด
ผมกลัวว่าเรื่องนี้จะเปิดเผยออกมาแต่สุดท้ายมันก็ไม่เคยเป็นความลับสินะ
เค้ารู้มาโดยตลอดว่าคืนนั้นคือผม… แต่เค้ากลับไม่พูด หัวใจผมร้าวรานเหลือเกินที่ได้รับรู้ความจริงในตอนนี้
!!!
“ที่ฉันไม่พูด
ก็เพราะฉันไม่อยากจะพูด… แต่ในเมื่อไม่ยอมรับว่าลู่ชานเป็นลูกของฉันละก็!
ฉันก็จะแย่งเค้ามา…”
ผมหันหน้ากลับมาสบตากับเค้าทันที
ผมมองเค้าด้วยแววตาที่โกรธเกรียวหากแต่เค้ากลับมองผมด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
เค้าไม่แคร์กับคำพูดเมื่อกี้ด้วยซ้ำไป
“อย่าคิดว่าจะแย่งไปได้ง่ายๆ
เพราะผมไม่ให้!!!!”
“หึ! รู้สึกเหมือนว่าลูกจะอยากเจอป๊า
ถ้าเค้ารู้ว่าใครคือคนๆ นั้น… ลูกก็คงเลือกที่จะอยู่กับฉัน!” ผมออกแรงผลักเค้าให้ออกห่างจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นนั่งจ้องมองใบหน้านี้
ผมไม่อยากร้องไห้เพราะมันแสดงออกถึงความอ่อนแอ ในเมื่อผมมาที่นี่เพื่อสู้กับเค้าผมก็ต้องเข้มแข็งและเย็นชาไว้เท่านั้นถึงจะชนะเค้าได้
“……………………”
“ส่วนแม่ของลูก
ฉันไม่ต้องการ!”
หัวใจเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ… แต่อย่าหวังว่าจะได้เห็นน้ำตาของผมอีกเลย
ปาร์ค ชานยอล เพราะผมจะไม่ร้องไห้ให้คุณได้เห็นอีกแล้ว
“ในเมื่อมารับดีๆ
คุณไม่ยอมให้ลูกคืน ผมก็จะสู้จนกว่าจะได้ลูกกลับเกาหลี…”
พูดจบผมก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียงที่นั่งอยู่
แต่แขนข้างหนึ่งกลับถูกดึงรั้งให้นอนลงบนเตียงกว้างนี้อีกครั้ง
มือหนาทั้งสองข้างกดทับข้อมือผมจนรู้สึกเจ็บเหลือเกิน
“ปล่อย! และหยุดความป่าเถื่อนของคุณไปซะ… มันยิ่งทำให้ผมรังเกียจคุณมากขึ้น”
“หึ! รังเกียจงั้นเหรอ? ทำให้ได้จริงๆ
อย่างที่พูดละ… เพราะฉันจะย้ำว่าใครกันแน่คือพ่อของลู่ชาน”
“ไม่ใช่คะ… อื้อ!”
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไร
แต่สัมผัสที่ได้รับกลับโหดร้ายและทรมานหัวใจกันเหลือเกิน… รสจูบที่ขมปี่กับสัมผัสที่โหดร้ายกำลังฆ่าผมให้ตายไปทีละน้อยจนไม่เหลืออะไรเลย
หากแต่ความเจ็บปวดทั้งหมดนี้หัวใจกลับยอมรับมัน
“อื้อ… หยุด”
ผมแค่ร้องประท้วงออกมาได้นิดหน่อย
ริมฝีปากและลมหายใจก็ถูกกลืนหายเข้าไปอีกครั้ง ผมแทบไม่มีอากาศหายใจเลยด้วยซ้ำไป
แค่ก แค่ก
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ได้ลมหายใจกลับคืนมาผมกลับต้องไอติดขัดกันเป็นเวลานาน
สายตาของชานยอลที่จับจ้องมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ขอร้อง ยะ… อย่า”
ผมถอยหลังหนีสุดชีวิตเมื่อร่างสูงตรงหน้าลุกขึ้นยืนก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกจนหมด
ร่างกายชาวาบไปหมดทั้งตัวก่อนจะถลาเข้ามาหาผมอีกครั้ง
“ปาร์ค ชานยอล… อย่า! ขอร้อง”
“สายไปแล้วคนทรยศ… ฉันจะย้ำเตือนว่าใครกันแน่คือพ่อของลู่ชาน!”
“มะ… ไม่ใช่คุณ! ผมมันโสมมคุณยังกล้าจะแตะต้องงั้นเหรอ?”
“อย่างน้อยก่อนจะโสมม
ฉันก็เคยแตะต้องมาแล้ว!”
“ชานยอล… ขะ ขอร้อง” ผมรีบรั้งใบหน้าของเค้าเอาไว้
ร้องขอด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน
ผมไม่เคยเรียกชื่อเค้าแบบนี้และแน่นอนว่าเค้าเองก็ไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกแบบนี้เหมือนกัน
อื้อ…
เค้าไม่ฟังเสียงทักท้วงของผมอีกต่อไป
ร่างสูงกดทับลงมาและกดริมฝีปากจูบผมอย่างหนักหน่วงบดขยี้จนปากผมช้ำเลือดไปหมด
กินคาวเลือดจางๆ
กระทบเข้ากับโสตประสาทจนผมแทบไม่รับรู้อะไรอีกเลยนอกจากความเจ็บปวดพวกนี้
เค้าบดเบียดและกดจูบย้ำเตือนอยู่อย่างนั้นจนผมเจ็บไปหมดทั้งตัวและหัวใจ
หากแต่ผมไม่อยากร้องไห้… ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว!!!
“ผมเกลียดคุณ”
หลังจากที่ริมฝีปากกลายเป็นอิสระผมก็พูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด
เค้าไม่สนใจคำพูดของผมด้วยซ้ำกดจูบและขบเม้มที่ซอกคอจนเกิดรอยแดงๆ มากมาย
เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ผมใส่อยู่ก็หลุดลุ่ยออกมาจนหมดสิ้น
“ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณเลย… ปาร์ค ชานยอล!”
“ฉันไม่ต้องการ!!!!!”
“อื้อ… เจ็บ”
ปลายนิ้วเรียวยาวสอดแทรกเข้ามาในร่างกายพร้อมกับคำพูดของเค้า
ผมเจ็บมากว่าร่างกายถูกกระทำอยู่ในตอนนี้ซะอีก
เพราะคำกำลังบอกว่ารังเกียจผมมากแค่ไหน? สิ่งที่เค้าต้องการคือลูกไม่ใช่ผม
“ไหนว่ารังเกียจ
ไหนบอกว่าเกลียด แต่ทำไมถึงร้องครางด้วยความชอบละ… ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ!!!!!”
เค้าพูดพร้อมกับขยับนิ้วเรียวสวยนั้นไปด้วย
ร่างกายผมกระตุกวูบมือทั้งสองข้างกำเข้ากับผ้าปูที่นอนจนแน่น
หลับตาพริ้มเพื่อปกปิดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแต่ในหัวใจผมมันกลับเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาเรียบร้อยแล้ว
“ปาร์ค ชานยอล
คนใจร้าย… อื้อ”
ผมยอมแพ้กับสัมผัสมากมายพวกนี้
แม้ปากจะบอกว่ารังเกียจมากแค่ไหนก็ตามแต่หัวใจกลับตอบรับทุกสัมผัสด้วยความเต็มใจอย่างน่าละอายเหลือเกิน
“ลู่หาน เด็กทรยศ!!!”
สัมผัสสุดท้ายคือความมืดมิดในหัวใจกับร่างกายแสนกำยำที่ส่งผ่านความร้อนมากมายเข้ามาในร่างกาย
สัมผัสและเสียงร้องกระเซ้าดังก้องไปทั่วทั้งห้องมันไม่ใช่แค่เสียงของผมและเป็นเสียงของพวกเรา
เค้าไม่ยอมป้องกันด้วยซ้ำไปและผมก็กลัวว่าความผิดพลาดจะเกิดขึ้นมาอีกครั้ง…
แรงกระแทกมากมายที่เข้ามาผมก็กระตุกเด้งตัวรับสัมผัสพวกนี้อย่างเต็มใจ
ผมเจ็บแต่ผมไม่อยากร้องไห้… เกมส์มากมายที่พวกเรากำลังเล่นอยู่กำลังสร้างความเจ็บปวดให้อย่างถึงที่สุด
และเกมส์นี้ก็หาจุดสิ้นสุดไม่ได้สักที…
อื้อ…
อ้วกกกกกกกกกกกกกกก!
ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
หากแต่สัมผัสสุดท้ายที่ได้รับคือแรงกดจูบอย่างหนักหน่วงที่หน้าผากก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างจะหลับพริ้มลงไป
ตื่นขึ้นมาอีกครั้งกับอาการปวดหัวและอ้วกอย่างหนัก
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว…
L
โอ้กกกกกกก อ้วกกกกกกก…
ผมอ้วกจนหน้าตาแดงกร่ำไปหมดแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินกลับมาในห้องด้วยซ้ำไป… ผมไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงจนร่างกายจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว!
!!!
.
..
…
ภายใต้ห้องนอนขนาดเล็กร่างสูงของปาร์ค
ชานยอลกำลังส่งยิ้มหวานให้ลูกชายตัวแสบอยู่ หลังจากทำโทษคนทรยศจบลงเค้าก็ลุกขึ้นจากเตียงกว้างก่อนจะเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ… ร่างบางที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่นั้น
เค้าทำได้แค่มองและเดินออกมาอย่างไม่สนใจใยดีเพราะเป้าหมายที่เค้าสนใจคือเด็กน้อยตรงหน้าต่างหาก
“คุณลุงฮะ
ลู่ชานได้ยินเสียงคนร้องในห้องของคุณลุง… แต่อาเหวยบอกว่าคุณลุงกำลังเล่นสนุกอยู่”
วาจาช่างถากถางและสงสัยเหลือเกิน
เค้ายิ้มขำกับคำถามของลูกน้อยแต่แอบคาดโทษคนที่สอนให้ลูกเค้าจดจำอะไรแบบนี้
“ครับ! สนุกมากเลยทีเดียว”
“อ่า! คราวหลังลู่ชานไปเล่นด้วยได้ไหม?”
ขยับกายเข้าไปหาคนเป็นพ่อที่ตัวเองเรียกขานว่าคุณลุง เงยหน้าขึ้นสบตากันมือหนาขยี้หัวทุยเล็กเส้นผมดกดำของลูกชายอย่างรักใคร่
“เอาไว้โตกว่านี้ดีไหมครับ”
“ชิส์! คุณลุงใจร้ายอ่า”
เชิดใบหน้าใส่ทันทีก่อนจะขยับกายหนี… ใจร้าย! งั้นเหรอ?
ทำไมคำพูดนี้วาจาแบบนี้ช่างเหมือนกันเหลือเกินนะ
“ว่าลุงใจร้าย
ไม่อยากเจอแม่แล้วเหรอ?” เด็กน้อยแสนงอนรีบเด้งตัวกลับมาหาคุณพ่อตัวดีทันทีหลังจากที่เชิดหน้าใสไปเมื่อครู่
“จริงเหรอฮะ! จะได้เจอแม่กวางน้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับ! แต่เป็นพรุ่งนี้นะ…”
“ว๊า! แล้วคืนนี้ใครจะนอนกอดลู่ชาน” เด็กน้อยว่าด้วยวาจาออดอ้อนกอดแขนของคุณพ่อทันที
ชานยอลเองก็นั่งจ้องหน้าลูกชายตัวแสบด้วยรอยยิ้ม
ไม่อยากคิดหากวันใดที่ลูกรู้ว่าใครคือพ่อ… เด็กน้อยยังจะอยากกอดเค้าอย่างนี้ไหม
กอดปลอบลูกจนหลับไปในที่สุด สายตากลับทอดมองไปยังบานประตู… ในหัวกำลังคิดถึงใครอีกคนที่กำลังนอนอยู่ในห้อง
เบือนหน้ากลับมามองลูกน้อยอีกครั้งกดริมฝีปากลงบนเรือนผมดกดำพร้อมทั้งดึงผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมกาย
เอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง
“ฝันดีนะครับลูก…” ลูบเรือนผมของลูกน้อยอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานเดินออกจากห้อง
!!!
..
.
แอด…
บานประตูหนาถูกเปิดออก สายตามองไปยังร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา… เดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงข้างๆ
ร่างเล็กขยับตัวไปมาพร้อมทั้งดึงผ้าห่มให้ปิดร่างจนมิดชิด
ปากบวมเจ่อใบหน้าแดงกร่ำคล้ายกับคนที่โดนพิษไข้เข้าครอบงำ มือหนาเอื้อมไปแตะหน้าผากมน…
ความร้อนกระทบกับหลังมือทันที เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน!
สองเท้าก้าวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
กลับออกมาอีกทีพร้อมกับอ่างขนาดเล็กและผ้าเพื่อเช็ดตัวให้ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง
“ทำไม! ฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ” ปากบ่นไม่ได้พักหากแต่มือทั้งสองข้างกลับหน้าที่คอยเช็ดตัวให้คนทรยศอยู่อย่างนั้น
!!!
“อื้อ… หนาว”
เสียงครางเล็กเอ่ยออกมาขยับกายเข้าหาผ้าห่มผืนหนาก่อนจะซุกหน้ากับหมอนใบโต
เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ถูกหยิบออกมาจากตู้ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่นอนหลับอยู่
รั้งร่างเล็กขึ้นมาก่อนจะสวมเสื้อให้หากแต่ร่างเล็กกลับลืมตาตื่นขึ้นมาซะก่อน
“ทะ… ทำอะไร?” เอ่ยถามอย่างตกใจพยายามดันตัวให้ออกห่าง หากแต่ไม่มีแรงมากพอ…
“ใส่เสื้อ!”
“จะใส่เอง” มือเล็กพยายามจับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เอาไว้
แต่ทว่าเรี่ยวแรงน้อยนิดกลับทำให้มือไม้สั่นไปหมด
รวมไปถึงสายตาดุดันที่จับจ้องอยู่ด้วย
“อย่าเรื่องมากได้ไหม เห็นแล้วขัดหูขัดตา!”
กระชากเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เข้ามาจนร่างเล็กตามติดมาด้วย ใบหน้าสวยร้อนจัดกระทบเข้ากับแผงอกกว้างลมหายใจร้อนๆ
หอบหายใจขัดกัน
“ปวดหัว…” มือเล็กขยับขึ้นจับใบหน้าของตัวเอง “อะ… อึก
ปวดหัว” ร้องไห้สะอื้นส่ายหัวไปมาเหมือนเด็ก
“รู้แล้ว! นอนพักไปก่อนละกันเดี๋ยวจะไปหายามาให้กิน”
วาจาว่าร้ายแต่จิตใจกลับนึกเป็นห่วง… สองขาก้าวเดินออกจากห้องไปหายามาให้คนตัวเล็กที่นอนร้องไห้อยู่
“หาอะไรครับเจ้านาย”
“ยา!”
“เอาไปทำอะไรครับ”
“เลิกถาม! แล้วไปหายาแก้ไข้มาให้หน่อย” รีบทำเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อนความเป็นห่วง
ลับสายตาไปจ้าวเหวยกลับแอบยิ้มขำกับท่าทางของเจ้านายตัวเอง ปากร้ายแต่ใจดี…
ต่อหน้าว่าเค้าต่างๆ นาๆ แต่พอเค้าป่วยขึ้นมาก็ดูแล แบบนี้นะเหรอ?
ที่ปากบอกว่าเกลียด…
“นี่ครับยาแก้ปวด”
รับยาแก้ปวดมาก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทันที… สายตาทอดมองไปยังร่างเล็กที่นอนสั่นอยู่บนเตียงหนา
ลำแขนแกร่งพยุงตัวร่างเล็กขึ้นมาก่อนจะป้อนยา
“ไม่กิน… ขม!” มือเล็กพยายามปัดยานี้ทิ้งไป
“ถ้าไม่กิน ตาย!!!” สายตาเล็กพยายามจ้องมองใบหน้าหล่อแสนดุดัน
เจอคำขู่นี้ไปไม่อยากกินแค่ไหนก็ต้องกิน
“…………………”
L
“อ้าปาก แล้วรีบกิน… จะได้พักผ่อนสักที”
แค่ก แค่ก…
แทบอยากจะคายยาที่กินอยู่ออกจากปากทันทีแต่กลับถูกสายตาคู่นี้บังคับเอาไว้
จนต้องรีบดื่มน้ำตามแทบไม่ทัน
“ละ… ลูกละ”
“หลับไปแล้ว!”
“อยากไปหาลูก…” พูดทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งสองข้างหลับไปแล้วแท้ๆ
หากแต่น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาด มันทรมานขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วที่ทรยศกัน… กล้าโกหกกัน มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ!!!!!!
!!!!
“ลูก… ฮือๆ คิดถึงลูก”
!!!!
“ชะ ชานยอล… คนใจร้าย ฮือๆ ลูก… ลู่ชาน L”
นั่งมองภาพร่างเล็กที่เอาแต่นอนร้องไห้ ด่าทอตนต่างๆ นาๆ …
สุดท้ายเค้าก็กลายเป็นคนใจร้าย อีกจนได้สินะ…
“พรุ่งนี้ ฉันจะยอมให้เจอลูก!!!”
!!!
“ยอลใจร้าย… ใจร้าย”
L
“อย่าย้ำได้ไหม? ฉันรู้แล้วว่าตัวเองใจร้ายแค่ไหน… และจะใจร้ายได้มากกว่านี้อีก!”